วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ


18  สิงหาคม  2556  วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ


วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ

รัชกาลที่ 4 บิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย


        เนื่องจากในทุก ๆ วันที่ 18 สิงหาคม ของทุกปี เป็นอีกวันหนึ่งที่มีความสำคัญในวงการวิทยาศาสตร์ วงการดาราศาสตร์ และวงการศึกษาของไทย เพราะถ้าย้อนอดีตกลับไปเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2411 จะเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย" ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวง ที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังจากที่พระองค์ทรงคำนวณการเกิดสุริยุปราคาไว้ล่วงหน้า 2 ปี ต่อมาคณะรัฐมนตรีจึงกำหนดให้วันที่ 18 สิงหาคมของทุกปี เป็น "วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ"


วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ


ภาพกิจกรรมเนื่องในวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 


กิจกรรมวันงานวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 2554
 
กิจกรรมวันงานวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
 
 
ร่วมกิจกรรมวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ2554 กันดารานักแสดง
 
ร่วมกิจกรรมวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติกันดารานักแสดง



******วัตถุประสงค์ของการจัดงานวันสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ******

          1. เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและพระปรีชาสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์ ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย" 

          2. เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศทางวิทยาศาสตร์ อันเป็นวิถีทางหนึ่งของการแก้ปัญหาการขาดแคลนกำลังคน ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

          3. เพื่อเป็นการส่งเสริมและเผยแพร่ผลงาน การค้นคว้า วิจัย ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ 

          4. เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่าภาครัฐและเอกชน ในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ในการพัฒนาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ 

          5. เพื่อสนับสนุนให้กำลังใจและโอกาสแก่นักวิจัย นักประดิษฐ์ ได้แสดงผลงานต่อสาธารณชน

******กิจกรรมที่ควรปฏิบัติใน วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ******  

          - ร่วมพิธีวางมาลาและเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 

          - จัดนิทรรศการเผยแพร่ พระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจ ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 

          - จัดกิจกรรมส่งเสริมงานด้านวิทยาศาสตร์ และสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

1 กรกฎาคม ของทุกปี

วันลูกเสือแห่งชาติ
๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๕๔
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖
ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย
  • ประวัติลูกเสือโลก
ลูกเสือมาจากคำว่า SCOUT ซึ่งมีความหมายดังนี้
- S : Sincerity     หมายถึง ความจริงใจ มีน้ำใสใจจริงต่อกัน
- C : Courtesy     หมายถึง ความสุภาพอ่อนโยน เป็นผู้มีมารยาทดี
- O : Obedience  หมายถึง การเชื่อฟัง อ่อนน้อมถ่อมตน อยู่ในโอวาท
- U : Unity          หมายถึง ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รู้รักสามัคคี
- T : Thrifty        หมายถึง ความมัธยัสถ์ ใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด
          ผู้ก่อตั้งลูกเสือโลกคือ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ( บี.พี. ) ชาวอังกฤษ ( เกิด ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๐๐ ) ในวัยเด็กชอบท่องเที่ยวพักแรม จึงรักธรรมชาติ ชอบร้องเพลง และมีความรู้ในการใช้แผนที่เป็นอย่างดี เมื่ออายุ ๑๙ ปี ได้รับราชการทหารเป็นร้อยตรี ไปประจำการ ณ ประเทศอินเดียและแอฟริกา ท่านเป็นทหาร มีเงินเดือนน้อยนัก จึงรู้จักใช้จ่ายอย่างประหยัด เข้มแข็งและอดทน
          หลังจากปลดประจำการแล้ว ได้นำประสบการณ์ตอนเป็นทหาร เช่น การฝึกสอนเด็กๆ ให้รู้จักทำหน้าที่เป็นผู้สื่อข่าว และเป็นผู้บำเพ็ญประโยชน์ มาพัฒนาแนวคิดเป็นขบวนการลูกเสือ โดยในปี พ.ศ. ๒๔๕๐ ท่านได้รวบรวมเด็ก ๒๐ คน ให้ไปอยู่กับท่านที่เกาะบราวน์ซี ในช่องแคบอังกฤษ ซึ่งนับเป็นการพักแรมครั้งแรกของลูกเสือ และต่อมาได้มีการก่อตั้งกองลูกเสือขึ้นอย่างจริงจัง
          ท่านลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ( บี.พี. ) ใช้ชีวิตในบั้นปลายอยู่ที่เคนยา แอฟริกา ในช่วงอายุ ๘๐ ปี และถึงแก่กรรม เมื่อ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ที่เคนยา แอฟริกานั้นเอง

• ประวัติลูกเสือไทย
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงมีพระบรมราชองค์การโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนากองเสือป่าขึ้นก่อน เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๔ โดยฝีกอบรมพวกผู้ใหญ่ เช่นข้าราชการพลเรือน ให้เรียนรู้วิชาการด้านทหาร เพื่อเป็นกำลังสำรองในยามมีศึกสงคราม และเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ต่อประชาชนในยามสงบ เช่นช่วยปราบปรามโจรผู้ร้ายเป็นต้น
จากนั้นอีกสองเดือนต่อมา คือ ณ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๔ พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย นับเป็นประเทศที่ ๓ ของโลก ที่จัดตั้งกองลูกเสือขึ้น ต่อจากประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา โดยมีพระราชประสงค์ปลูกฝังให้เยาวชน รักชาติบ้านเมือง รักความสามัคคี มีความมานะอดทน และเสียสละเพื่อส่วนรวม
• คำปฏิญาณของลูกเสือ
“ด้วยเกียรติของข้า ข้าสัญญาว่า”
ข้อ ๑ ข้าจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
ข้อ ๒ ข้าจะช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ
ข้อ ๓ ข้าจะปฏิบัติตามกฎของลูกเสือ
• กฎของลูกเสือ
ข้อ ๑ ลูกเสือมีเกียรติเชื่อถือได้
ข้อ ๒ ลูกเสือมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
ข้อ ๓ ลูกเสือมีหน้าที่กระทำตนให้เป็นประโยชน์และช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ
ข้อ ๔ ลูกเสือเป็นมิตรของคนทุกคนและเป็นพี่น้องกับลูกเสือทั่วโลก
ข้อ ๕ ลูกเสือเป็นผู้สุภาพเรียบร้อย
ข้อ ๖ ลูกเสือมีความเตตากรุณาต่อสัตว์
ข้อ ๗ ลูกเสือเชื่อฟังคำสั่งของบิดามารดาและผู้บังคับบัญชาด้วยความเคารพ
ข้อ ๘ ลูกเสือมีใจร่าเริงและไม่ย่อท้อต่อความลำบาก
ข้อ ๙ ลูกเสือเป็นผู้มัธยัสถ์
ข้อ ๑๐ ลูกเสือประพฤติชอบด้วย กาย วาจา ใจ

 ๏ ข้าลูกเสือเชื้อไทยใจเคารพ
ขอน้อมนบบาทบงสุ์พระทรงศรี
พระบาทมงกุฎเกล้าฯ จอมเมาลี
ทรงปรานีก่อเกื้อลูกเสือมา
๏ ทรงอุตส่าห์อบรมบ่มนิสัย
ให้มีใจรักชาติศาสนา
ทรงสั่งสอนสรรพกิจวิทยา
เป็นอาภาผ่องพุทธิ์วุฒิไกร
๏ ดังดวงจันทราทิตย์ประสิทธิ์แสง
กระจ่างแจ้งแจ่มภพสบสมัย
พระคุณนี้จะสถิตสนิทใน
ดวงหทัยทวยราษฎร์ไม่คลาดเอย
*** ราชสดุดี : เพลงลูกเสือ
แหล่งข้อมูล : http://irrigation.rid.go.th/rid15/ppn/Datebook/1%20July/1%20July.htm